เฟนเน็คฟ็อกซ์

เฟนเน็คฟ็อกซ์ สุนัขจิ้งจอกที่เล็กที่สุดในโลกกันเถอะ. ลักษณะทั่วไป เฟนเน็คฟ็อกซ์ (Fennec Fox) จัดเป็นสุนัขจิ้งจอกที่มีขนาดเล็กที่สุด …

เฟนเน็คฟ็อกซ์ เป็นสุนัขจิ้งจอกชนิดหนึ่งก็เลยทำให้หลาย ๆ คนสงสัยว่าจะเอามาเลี้ยงเหมือนสุนัขทั่ว ๆ ไปได้อย่างไร และกลายเป็นประเด็นที่นำมาถกเถียงกันอยู่ในขณะนี้ เราก็เลยจะขอนำข้อสงสัยดังกล่าวและเรื่องราวเกี่ยวกับ เฟนเน็คฟ็อกซ์ มาบอกเล่าให้ได้รู้กัน จะได้หายข้องใจกันสักทีว่าตกลงแล้ว เฟนเน็คฟ็อกซ์ คือสุนัขจิ้งจอกจากที่ไหน มีลักษณะหน้าตาเป็นอย่างไร แล้วนำมาเลี้ยงได้หรือไม่กันแน่

ลักษณะทั่วไป

          เฟนเน็คฟ็อกซ์ (Fennec Fox) จัดเป็นสุนัขจิ้งจอกที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก เพราะมีขนาดเพียง 15 เซนติเมตร น้ำหนักอยู่ที่ระหว่าง 1-1.5 กิโลกรัม ขนสีครีมคาดแถบดำเฉพาะบริเวณหาง มีอายุโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 12-16 ปี

แหล่งที่พบ

          แต่เดิมอาศัยอยู่ในทะเลทรายซาฮาร่าและพื้นที่ทางตอนเหนือของทวีปแอฟริกา ฉะนั้นโครงสร้างของร่างกายจึงมีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสภาพอากาศ เช่น ใบหูที่ใหญ่กว้างเพื่อช่วยในการระบายความร้อน ขนยาวที่ช่วยรักษาความอบอุ่นให้ร่างกายในตอนกลางคืนและปกป้องผิวจากแสงแดดในตอนกลางวัน นอกจากนี้ยังมีอุ้งเท้าที่แข็งแรงสำหรับการขุดคุ้ย

เฟนเน็คฟ็อกซ์ สุนัขจิ้งจอกที่เล็กที่สุดในโลกกันเถอะ

ลักษณะนิสัย

          ตามธรรมชาติเฟนเน็คฟ็อกซ์จะอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ประมาณ 10 ตัว และมีพฤติกรรมเหมือนสุนัขทั่วไป เช่น ใช้กลิ่นฉี่แบ่งกั้นอาณาเขตและจะเริ่มดุดันก้าวร้าวมากเป็นพิเศษในช่วงฤดูผสมพันธุ์ นอกจากนี้ยังเป็นสัตว์ที่กินได้ทั้งพืชและสัตว์ เช่น สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก ไข่ สัตว์เลื้อยคลาน และแมลงต่าง ๆ อีกทั้งยังใช้ชีวิตอยู่ได้นานแม้ไม่ดื่มน้ำ

          หากเปรียบกับสัตว์เลี้ยงทั่วไปจะมีลักษณะคล้ายสุนัขผสมแมว เพราะบางเวลาก็ชอบอยู่แบบสันโดษ แต่ก็มีความกระตือรือร้นพอตัวไม่เว้นแม้กระทั่งตอนนอน และความซุกซนจะไม่ลดลงตามอายุเลย

เฟนเน็คฟ็อกซ์ สุนัขจิ้งจอกที่เล็กที่สุดในโลกกันเถอะ

วิธีการเลี้ยงดู

          แม้จะเป็นสายพันธุ์สุนัขจิ้งจอกก็จริง แต่ตอนนี้ก็มีการออกใบอนุญาตและจำกัดโควตาในการส่งออกสำหรับการนำไปเพาะพันธุ์ ซึ่งหากใครจะนำมาเลี้ยงก็สามารถหาซื้อจากฟาร์มหรือร้านค้าที่มีอยู่ในประเทศได้

          แม้เฟนเน็คฟ็อกซ์จะชอบความสันโดษอยู่บ้าง แต่ถ้าหากนำมาเลี้ยงก็ควรจะมีเวลามากพอให้กับสุนัขด้วย เพราะไม่อย่างนั้นสุนัขจะไม่เชื่องและก้าวร้าว อีกทั้งมักจะส่งเสียงเห่าในตอนกลางคืนบ่อยครั้ง ฉะนั้นอาจแก้ปัญหาด้วยการขังกรงหรือฝึกฝนตั้งแต่รับมาเลี้ยง ส่วนอาหารที่นำมาให้กินควรจะเป็นอาหารแห้งหรืออาหารสำเร็จรูปสำหรับสุนัข แล้วเสริมด้วยผักกับผลไม้สดหรือแมลงขนาดเล็ก นอกจากนี้ควรหมั่นพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพ ฉีดวัคซีน และขอคำแนะนำในการเลี้ยงดูเพื่อป้องกันโรคที่เกิดจากพยาธิและเห็บหมัดต่าง ๆ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *