เฟรนช์ บูลด็อก (French Bulldog)

สุนัขเฟรนช์ บูลด็อก เป็นสุนัขที่มีหูตั้ง ใบหูใหญ่ แต่มีขนาดตัวที่เล็ก ใครเห็นก็จำได้ ทำให้กลายเป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยมอีกพันธุ์หนึ่ง …

ข้อมูลทั่วไปสำหรับสุนัขพันธุ์เฟรนช์บูลด็อก

“เฟรนช์บูลด็อก” หรือ “เฟรนช์ชี่” หนึ่งในสายพันธุ์หมาหน้าย่นที่กำลังเป็นที่นิยมในทั่วโลก ณ ขณะนี้ โดยเจ้าสุนัขสายพันธุ์เล็กนี้มีลักษณะเด่นคือ หน้าสั้น หูตั้ง ตัวเล็กแต่กล้ามเนื้อกำยำ ทำให้ทาสหมาเห็นก็ต่างตกหลุมรักอยากเข้าไปกอดเข้าไปขย้ำด้วยความเอ็นดู วันนี้ Yora Thailand จะพาทุกคนมารู้จักหมาพันธุ์เฟรนช์บูลด็อก รวมถึงคู่มือการเลี้ยงดูรวมถึงอาหารการกินที่เหมาะกับสายพันธุ์ แอบกระซิบว่าท้ายบทความเรามีลิสต์ฟาร์มเฟรนช์บูลด็อกในไทยมาฝากด้วยนะ

ประวัติของสุนัขพันธุ์เฟรนช์บูลด็อก

หมาพันธุ์เฟรนช์บูลด็อก มีแหล่งกำเนิดประเทศฝรั่งเศสตามคำว่า ‘French’ ในชื่อสายพันธุ์ และจัดเป็นหนึ่งในสายพันธุ์บูลด็อก โดยเป็นลูกผสมของอิงลิชบูลด็อก (English Bulldog) และบอสตันเทอร์เรีย (Boston Terrier) โดยสายพันธุ์นี้ปรากฏครั้งแรกเมื่อช่วงคริสศตววรษที่ 19 และเป็นสุนัขสำหรับตระกูลชนชั้นสูงในสมัยนั้น ซึ่งค่าตัวน้อง ๆ มีราคา $750 หรือเทียบเท่ากับตั๋วขึ้นเรือไททานิคเลยทีเดียว

เฟรนช์บูลด็อกได้รับการขึ้นทะเบียนสายพันธุ์โดย American Kennel Club (AKC) ในปี 1965 และในปัจจุบัน พวกมันเป็นสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมที่สุดในโลกอันดับที่ 2 รองจากแชมป์ตลอดกลางอย่างลาบราดาร์ รีทรีฟเวอร์อีกด้วย

ลักษณะนิสัยสุนัขพันธุ์เฟรนช์บูลด็อก

เฟรนช์บูลด็อก มีอีกฉายาว่า ‘Clown dogs’ มาจากนิสัยขี้เล่นคล้ายตัวตลกของน้อง ๆ และ ‘Frog dogs’ ซึ่งสื่อถึงท่าทางตอนนั่งที่ขาจะกางออกเหมือนกบ โดยตามธรรมชาติสายพันธุ์แล้ว เฟรนช์บูลด็อกจะเรียบร้อย อ่อนโยน ใจเย็นและไม่ก้าวร้าว โดยจะเห่าก็ต่อเมื่อมีเหตุการณ์น่าตื่นเต้นเท่านั้น ในทางกลับกัน น้อง ๆ อาจมีพฤกติกรรมก้าวร้าวในบางครั้งเมื่อพบเจอเฟรนช์ชี่ เพศเดียวกัน เข้ามาในบ้าน ทางสัตวแพทย์จึงแนะนำให้ทำหมัน เพื่อลดความตื่นตัวและกะตือรือร้นของน้อง ๆ ลงได้ อย่างไรก็ตาม สุนัขพันธุ์นี้เหมาะกับเจ้าของที่มีเวลาให้ หรือเลี้ยงเป็นสุนัขตัวเดียวในบ้าน เพราะน้อง ๆ ต้องได้รับดูแลเอาใจใส่จากเจ้าของและความใกล้ชิดเป็นพิเศษ

มาตรฐานสายพันธุ์เเละลักษณะทางร่างกายที่ดีสำหรับสุนัขพันธุ์เฟรนช์บูลด็อก

เมื่อเลือกซื้อสุนัขพันธุ์เฟรนช์บูลด็อก สิ่งที่คือต้องสังเกตุคือโครงหน้า ใบหู และขน โดยมาตรฐานตามสายพันธุ์ของเฟรนช์ชี่ จะมีกะโหลกใหญ่แบน ใบหน้าสั้นทรงรูปสี่เหลี่ยม แก้มมีกล้ามเนื้อ โดยเฟรนช์ชี่ที่มีลักษณะกะโหลกยาวถือว่าไม่ตรงตามมาตรฐาน และเฟรนช์ชี่แท้ทุกตัวจะมีหูตั้ง โคนหูใหญ่เหมือนค้างคาว และปลายหูโค้งมน

ต่อมาคือความยาวขน โดยเฟรนช์บูลด็อกจะมีขนสั้น เรียบ และหนาแน่น มีความนุ่มนิดหน่อย โดยเฟรนช์บูลด็อกที่ขนยาวอาจเกิดจากยีนส์เด่นผสมกับยีนส์ด้อยของพ่อแม่เฟรนช์ชี่แท้ได้ แต่ถือว่าไม่ถูกต้องตามมาตรฐานสายพันธุ์

โรคที่ต้องระวังในสุนัขสายพันธุ์เฟรนช์บูลด็อก

ในบรรดาหมาพันธุ์หน้าย่น เจ้าหมาเฟรนช์บูลด็อกแข็งแรงและพบปัญหาสุขภาพน้อยสุด อย่างไรก็ตามน้อง ๆ ต้องระวังโรคต่าง ๆ ตามสายพันธุ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ดังนี้

โรคภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic Dermatitis) ด้วยขนที่สั้นและผิวหนังที่บอบบาง สุนัขพันธุ์เฟรนช์บูลด็อกจึงโดนกระตุ้นโดยสารก่อภูมิแพ้ได้ง่าย ๆ กว่าสุนัขพันธุ์อื่น ซึ่งเกิดจากพันธุกรรมของสายพันธุ์ที่มีการตอบสนองต่อภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอกว่า เจ้าของจะสังเกตได้จากอาการคัน ผิวหนังลอก และมีอาการติดเชื้อแทรกซ้อน โดยให้รีบไปพบแพทย์เพื่อสืบสาเหตุว่าน้อง ๆ แพ้สารอาหารหรือสิ่งกระตุ้นใดบ้าง

โรคระบบทางเดินหายใจ มักพบบ่อยในกลุ่มน้องหมาหน้าสั้น (Brachycephalic syndrome) ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของโครงสร้างร่างกาย ที่มีเพดานอ่อนยื่นยาวและท่อลมมีขนาดเล็ก ซึ่งเรามักพบว่าน้องหมาเฟรนช์ชี่มักจะหายใจแรง นอนกรนเสียงดังบ่อย ๆเจ้าของจึงควรพาน้องไปตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อหมั่นอัพเดทอาการกับสัตวแพทย์อยู่เสมอ

ภาวะช็อคจากความร้อนสูงในสุนัข (Heat Stroke) นอกจากกลุ่มน้องหมาหน้าสั้นจะมีปัญหาด้านระบบทางเดินหายใจแล้ว น้อง ๆ ยังเสี่ยงต่อสภาวะ Heat Stroke ได้ง่ายกว่าสุนัขพันธุ์อื่น ๆ อีกด้วย โดย Heat Stroke จะเกิดขึ้นเมื่ออุณหภูมิในร่างกายสุนัขสูงกว่า 106-109 องศฟาเรนไฮด์ และจะมีอาการขาดน้ำ หัวใจเต้นเร็ว อาเจียน ท้องเสีย เมื่อพบอาการเหล่านี้ให้รีบพาน้อง ๆ มาสถานที่ที่อากาศถ่ายเท และให้น้องดื่มน้ำเปล่าอุณหภูมิห้อง แล้วค่อย ๆ นำน้ำลูบตัวน้องให้อุณหภูมิลดลง แต่ไม่ควรสาดน้ำเย็นแบบกระทันหันเพราะสุนัขอาจช็อกได้

อาหารที่เหมาะสมสำหรับสุนัขสายพันธุ์เฟรนช์บูลด็อก

ค่าเฉลี่ยของน้องหมาเฟรนช์บูลด็อก อยู่ที่ 10-13 กิโลกรัม โดยแม้เฟรนช์บูลด็อก จะดูตัวเล็ก ๆ แต่ความเป็นจริงน้อง ๆ ตัวแน่นมาก ซึ่งแน่นในทีนี้คือแน่นกล้ามเนื้อ ดังนั้นเจ้าของควรเลือกอาหารการกินที่คอยบำรุงกล้ามเนื้อน้อง ๆ ให้แน่นและสวยงามอยู่เสมอ

อาหารที่เหมาะกับเฟรนช์บูลด็อก ช่วงอายุ 1-3 เดือน

ในช่วงเฟรนช์บูลด็อกยังเด็ก ๆ สัตวแพทย์แนะนำให้เจ้าของให้อาหารปริมาณ 1 – 1.5 ถ้วย แบ่งเป็น 3 มื้อต่อวัน ที่สำคัญหากเจ้าของอยากปั้นให้น้องกล้ามแน่น หุ่นดีเมื่อโตขึ้น ให้เน้นสารอาหารที่ให้โปรตีนสูง อย่างไรก็ตาม ด้วยปัญหาภูมิแพ้ผิวหนังตามพันธุกรรม เฟรนช์บูลด็อกหลาย ๆ ตัวมักแพ้เนื้อไก่ โดยอีกทางเลือกคือ Yora อาหารสุนัขเกรดพรีเมี่ยม นำเข้าจากประเทศอังกฤษ​ อุดมไปด้วยโปรตีนจากแมลง ซึ่งให้ปริมาณโปรตีนที่สูงมาก ๆ ต่อวัน แถมยังออแกร์นิคและไม่มีส่วนผสมสังเคราะห์อีกด้วย

อาหารที่เหมาะกับสุนัขพันธุ์เฟรนช์บูลด็อก โตเต็มวัย อายุ 1 ปีขึ้นไป

เมื่อน้องเฟรนช์บูลด็อก โตเต็มวัย ให้น้องเริ่มกินอาหารวันละ 2 มื้อ ในปริมาณ ¾ – 1.5 ถ้วยตวงไปเรื่อย ๆ ให้เคยชินและคงที่กับปริมาณน้ำหนัก โดยในวัยนี้ เจ้าของจะพบว่าเฟรนช์บูลด็อกท้องอืดง่าย จึงอย่าลืมที่จะเสริมสุขภาพน้องด้วยไฟเบอร์และพรีไบโอติกต่าง ๆ ที่ช่วยปรับการทำงานของลำไส้เฟรนช์บูลด็อกให้แข็งแรงยิ่งขึ้น

อาหารที่เหมาะกับสุนัขเฟรนช์บูลด็อก สูงวัย อายุ 7 ปีขึ้นไป

ด้วยความที่น้องเฟรนช์บูลด็อก ลำตัวใหญ่แน่น แต่ขาสั้น อาจส่งผลต่อสะโพกและข้อต่อเมื่อน้อง ๆ อายุเยอะขึ้นได้ เฟรนช์บูลด็อกสูงวัยจึงควรเสริมอาหารที่มีกลูโคซามีน คอนดรอยติน และกรดไขมันโอเมก้า 3 มากขึ้น ซึ่งจะคอยบำรุงให้กระดูกและสุขภาพของน้อง ๆ แข็งแรงไปตลอดช่วงอายุหลังจากนี้

วิธีการดูแลสุนัขเฟรนช์บูลด็อก ตั้งแต่เป็นลูกสุนัขจนถึงโตเต็มวัย

การดูแลลูกสุนัขเฟรนช์บูลด็อก ช่วงอายุ 4-7 เดือน

ด้วยนิสัยแสนน่ารักและหัวอ่อนของเฟรนช์ชี่ วัยเด็กเนี่ยแหละจึงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการฝึกน้องหมาสายพันธุ์นี้ โดยเจ้าของสามารถสอนคำสั่งง่าย ๆ อย่าง ขอมือ, นั่ง, และคาบลูกบอลได้ ที่สำคัญอย่าลืมพาน้อง ๆ ไปฉีดวัคซีนและตรวจสุขภาพเพื่อวางแผนอาหารการกินและค้นหาปัจจัยที่อาจทำให้ภูมิแพ้กำเริบในอนาคตได้

การดูแลสุนัขเฟรนช์บูลด็อก เต็มวัย ช่วงอายุ 1 ปีขึ้นไป

เมื่อน้อง ๆ เฟรนช์บูลด็อก โตขึ้น เจ้าของจะพบว่าเฟรนช์บูลด็อกไม่ชอบอากาศร้อน เช่นเดียวกับสุนัขหน้าสั้นสายพันธุ์อื่น ๆ โดยเจ้าของควรหลีกเลี่ยงสถานที่ที่ทำให้น้องเจอกับอากาศร้อนหรือแดดแรง ๆ โดยตรง และเมื่ออาบน้ำ ควรเน้นไปที่ใบหู ข้อพับ ใต้ท้อง ซึ่งเป็นจุดเก็บกลิ่น และอย่าลืมที่จะเช็ดรอยย่นบนหน้าให้แห้งเพื่อให้ผิวหนังไม่อับชื้นอีกด้วย อย่างไรก็ตาม เฟรนช์บูลด็อกเป็นสายพันธุ์ที่ไม่ต้องการการออกกำลังกายหนัก เพียงแค่พาไปเดินเล่น หรือวิ่งเล่นในบ้านประมาณ 20-40 นาทีต่อวันเป็นการเทรนด์กล้ามเนื้อจะช่วยให้น้อง ๆ แข็งแรงหุ่นดีอย่างสม่ำเสมอ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *