ข้อควรรู้ก่อนรับ น้องหมา น้องแมว มาเลี้ยง

05/27/2021

ก่อนจะรับน้องหมา-น้องแมว เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว หลายคนมักมองข้ามสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งไปคือ การเตรียมความพร้อมที่ดี ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยให้เราเลี้ยงเขาได้ราบรื่น ไม่ติดขัด สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าต้องเตรียมความพร้อมยังไง วันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลความรู้ อัดแน่นไปด้วยสาระสำคัญที่แสนจะเข้าใจง่ายมาไว้ให้แล้ว ถ้าพร้อมแล้วเราไปดูกันเลยค่ะ 1. สอบถามข้อมูลส่วนตัว อาทิ ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ (บ้านใหม่น้องหมา น้องแมว) เพื่อให้รู้ว่า ใครกันที่รับอุปการะน้องหมา น้องแมวของคุณ และบ้านใหม่นั้น มีสภาพแวดล้อมแบบใด อาทิ เป็นคอนโด บ้านเดี่ยว หรือบ้านสวน 2. ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับน้องหมา น้องแมว ในเรื่องนี้ จะทำให้คุณรู้ว่า คนที่มารับอุปการะนั้น เคยเลี้ยงน้องหมา น้องแมวมาก่อนหรือไม่ และรู้เรื่องวิธีการดูแลสัตว์เลี้ยงมากน้อยเพียงใด ที่สำคัญ หากคนรับอุปการะไม่เคยเลี้ยงสัตว์มาก่อน คุณจะได้ให้ข้อมูลเบื้องต้น ตลอดจนวิธีการดูแลต่าง ๆ แก่เขาได้ 3. นัดพบปะ  แม้จะมีการตกลงรับสัตว์มาเลี้ยงแล้ว แต่การนัดพบกันระหว่างเจ้าของเดิมกับผู้รับอุปการะ เพื่อเช็กสุขภาพน้องหมา น้องแมว ก่อนรับมาเลี้ยงว่า เขาเป็นอย่างไร และอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหน ซึ่งในข้อนี้ ก็มีหลายครั้งที่ผู้อุปการะได้เห็นหน้าตาของน้องหมา น้องแมวแล้ว เกิดเปลี่ยนใจไม่รับอุปการะ หรือขอเปลี่ยนตัวสัตว์เลี้ยงก็มี 4. […]

การอาบน้ำให้สุนัขอย่างถูกวิธี

05/25/2021

การอาบน้ำให้สุนัขจะมองว่าเป็นเรื่องเล็กๆไม่ได้เลยนะคะ เพราะบางครั้งการอาบน้ำไม่ถูกวิธีก็เป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้น้องหมามีอาการระคายเคืองหรือผิวแพ้ได้วันนี้เราจึงมาอธิบายขั้นตอนและวิธีการอาบน้ำหมาอย่างถูกวิธีกันค่ะ เผื่อว่าใครจะอาบน้ำให้น้องหมาของเราเอง หรือจะไปส่งอาบที่ร้านอาบน้ำหมาก็ได้ จะได้ทราบวิธีอาบน้ำสุนัขที่ถูกต้องตามขั้นตอนกันค่ะ วิธีที่ถูกต้องนั้น มีอยู่ด้วยกัน 6 ขั้นตอนดังนี้ค่ะ 1. เริ่มต้นจากการอุดหูน้องหมาก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเข้าหูขณะอาบน้ำ ค่อยๆ ล้างหน้าให้น้อง โดยอาจใช้น้ำลูบ หรือผ้าขนหนูชุบน้ำก็ได้ 2. ฉีดน้ำไล่จากท่อนล่าง โดยค่อยๆ ไล่จากขา ลำตัวและหน้าตามลำดับ ใช้ฝักบัวจ่อฉีดตามผิวหนังในบริเวณต่างๆ โดยระวังอย่าให้น้ำเข้าหู ตา และจมูกของน้อง 3.ฟอกแชมพู โดยแชมพูที่อ่อนโยน มักมีฟองน้อย สามารถใช้ได้โดยไม่ต้องผสมน้ำ บีบแชมพูลงบนมือของคุณพ่อคุณแม่ หรืออาจใช้ฟองน้ำช่วยเพื่อให้แชมพูกระจายตัวดีขึ้น แล้วฟอกตัวโดยใช้นิ้วนวดไปด้วย โดยเฉพาะบริเวณซอกนิ้วและใต้หาง จะเป็นบริเวณที่มีสิ่งสกปรกหมักหมมได้ง่าย ซึ่งเรามักจะมองข้ามไป ส่วนบริเวณรอบรูทวารและหน้าของน้องหมา ควรล้างเบาๆ อย่างระมัดระวัง และอย่าลืมเลือกแชมพูสำหรับน้องหมาโดยเฉพาะ 4. ล้างฟองแชมพูออก โดยใช้หัวฝักบัวจ่อฉีดเบาๆ ตามผิวหนัง โดยเริ่มต้นจากใบหน้า ลำตัว ขา และหางตามลำดับ จนฟองแชมพูออกหมดจด 5. เช็ดตัว โดยเอาสำลีที่อุดหูน้องหมาไว้ในขั้นตอนแรกออก และค่อยๆ เช็ดตัวน้องหมาให้แห้ง 6. เป่าขน โดยใช้ไดร์เป่าขนน้องหมาโดยเฉพาะ เริ่มจากลำตัวของน้องหมาเพื่อไม่ให้รู้สึกหนาวสั่นหลังจากอาบน้ำ เป่าตั้งแต่โคนจรดปลายเส้นขนโดยใช้หวีช่วย เพื่อกำจัดความชื้นจากน้ำให้หมดไปค่ะ หลังเช็ดตัวแล้วอาจจะดูแลน้องหมาในส่วนอื่นๆด้วยนะคะ เช่น […]

เผยผลการวิจัย”การให้ลูกดูแลสัตว์เลี้ยง”มีผลดีอย่างไร?

05/23/2021

ผลการวิจัยเผยว่าการให้ลูกได้มีสัตว์เลี้ยงสามารถช่วยยกระดับพัฒนาการของพวกเขาได้อย่างน่าอัศจรรย์ ไม่ว่าจะเรื่องสุขภาพกาย สุขภาพจิตใจ และความรับผิดชอบ 1. สอนให้ลูกรู้จักความรับผิดชอบ เมื่อเด็กๆ คิดจะขอคุณพ่อ คุณแม่เลี้ยงสัตว์ อาจจะคิดแค่ว่าสัตว์เลี้ยงมาเล่น มาอยู่เป็นเพื่อน เหมือนเป็นตุ๊กตาคู่ใจ แต่เมื่อได้มาเลี้ยงแล้ว เด็กๆ ก็จะรู้ว่าพวกเขาต้องช่วยคุณพ่อคุณแม่หาข้าว หาน้ำ พาไปอาบน้ำ ซึ่งความรับผิดชอบนี้จะช่วยให้เด็กๆ เข้าใจความสำคัญ เห็นคุณค่าของชีวิต เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวที่พวกเขาต้องดูแลร่วมกัน 2. ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เวลาว่างของเด็กๆ สมัยนี้คงหนีไม่พ้นหน้าจอสี่เหลี่ยมทั้งหลายไม่ว่าจะจอโทรทัศน์ จอคอมพิวเตอร์ จอแท็บเล็ต ซึ่งการให้ลูกเลี้ยงสัตว์จะช่วยให้เด็กๆ มีโอกาสทำกิจกรรมต่างๆ มากขึ้นเช่น ถ้าเลี้ยงสุนัขก็ต้องพาน้องหมาไปเดินเล่น วิ่งออกกำลังกาย สร้างความสนุกสนาน และเพิ่มพื้นที่สร้างสรรค์ให้แก่เด็กๆ ได้เรียนรู้ร่วมกันในครอบครัว 3. ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันทางจิตใจ การเลี้ยงสัตว์ โดยเฉพาะน้องหมาน้องแมว สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยคือความซนที่มักจะทำลายข้าวของในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ไปจนถึงเสื้อผ้า หรือของเล่นสุดโปรดของเด็กๆ ทำให้เด็กได้เรียนรู้ที่จะให้อภัยกับความเสียหายที่เกิดขึ้น หรือแม้แต่หากสัตว์เลี้ยงตาย เด็กจะได้เรียนรู้จากความสูญเสีย ทำให้เด็กเข้าใจชีวิตและมีจิตใจที่เข้มแข็งมากขึ้นค่ะ 4. มีสุขภาพแข็งแรง จิตใจแจ่มใส จากวารสารหลายฉบับในต่างประเทศระบุว่า เด็กๆ ที่เติบโตท่ามกลางสัตว์เลี้ยง จะช่วยลดโอกาสเสี่ยงเป็นโรคภูมิแพ้และหืดหอบในเด็ก สร้างภูมิคุ้มกัน และลดระดับความดันในเส้นเลือดได้อีกด้วย เพียงการลูบตัวน้องหมาจะช่วยทำให้หัวใจเต้นช้าลง รู้สึกผ่อนคลายสบายใจ […]

สังเกตุยังไงว่าน้องหมาของเรากำลังเครียด

05/21/2021

สุนัขของคุณกำลังเครียดอยู่หรือเปล่า? บางครั้งพฤติกรรมแปลก ๆ ที่ต่างไปจากเดิมของน้องหมานั้น เราอาจจะไม่รู้ว่าเขากำลังจะสื่อ หรือกำลังคิดอะไร บางครั้งอาจเป็นอาการเครียด ซึ่งความเครียดของสุนัขถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่เจ้าของต้องคำนึงถึงเพราะอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของสุนัขที่คุณรักสัณญาณที่บอกว่าสุนัขของคุณกำลังเครียดมีดังนี้ 1. ขนร่วงมากเกินปกติ ขนร่วงถือเป็นเรื่องปกติของน้องหมา แต่ลองสังเกตดูบ้างหรือเปล่าว่ามันอาจเกิดจากการที่พวกมันเครียดก็เป็นได้ เช่น เวลาที่เราพาน้องหมาไปหาสัตวแพทย์ในห้องตรวจและเราจะพบว่ามีขนหลุดติดมือเรามาหรือร่วงตามพื้นเยอะกว่าปกติ นอกจากนี้ อาการขนร่วงเกินปกติจากความเครียดก็อาจจะเกิดได้จากการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของน้องหมา เช่น เปลี่ยนที่อยู่ การเปลี่ยนแปลงของสมาชิกในบ้าน หรือมีน้องหมาใหม่เข้ามาในบ้าน 2. เลียจมูกและริมฝีปาก น้องหมาจะใช้ภาษากายในการถ่ายทอดความรู้สึกที่มันไม่สามารถบอกเราได้ โดยหากน้องหมามีการเลียปากหรือจมูกของมันมากเกินปกตินั่นก็อาจเพราะมันรู้สึกเครียดหรือกังวลได้ 3. หาว ก็ถือเป็นเรื่องแปลกที่จะบอกว่าการหาวของน้องหมาบ่งชี้ว่ามันเกิดจากอาการเครียด แต่การหาวจากความเครียดมักจะมาพร้อมกับพฤติกรรมอื่นร่วมด้วย เช่น การหลบหน้า หรือ หูลู่ค่ะ 4. หายใจแรง น้องหมามักจะหายใจถี่และแรงเพื่อผ่อนคลายยามที่มันร้อนหรือพึ่งเล่นมา หากน้องหมาของคุณหายใจหอบแรงโดยไม่มีสาเหตุ และอาจมีอาการหูตกร่วมด้วย มันอาจจะเป็นสัญญาณบอกถึงความเครียด และให้ระวังหากว่าน้องหมาหยุดการหายใจแรงๆ โดยทันทีและหุบปากมันอาจจะเตรียมตัวที่จะงับเราเข้าได้ 5. พฤติกรรมทำลายข้าวของ น้องหมาจะผ่อนคลายความเครียดด้วยการเคี้ยวหรือกัดเฟอร์นิเจอร์ หรือแม้แต่เจ้าของ หรือกัดและเลียตัวของมันเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้องหมาพันธุ์ที่ค่อนข้างจะก้าวร้าว เจ้าของอย่างเราควรหมั่นตรวจตราสภาพแวดล้อมที่อาจเอื้อให้เกิดพฤติกรรมดังกล่าว เช่น การปล่อยให้น้องหมาอยู่ตัวเดียวหรือเมื่อมีสัตว์อื่นปรากฏตัว 6. การหลบหน้า ถือเป็นอีกสัญญาณที่บอกถึงความเครียดของน้องหมา ซึ่งมีหลายสาเหตุไม่ว่าจะเป็นการเลี่ยงที่จะเจอน้องหมาตัวอื่นหรือผู้คน การเก็บหาง หลบตา และหันหน้าหนี ล้วนเป็นอาการที่บอกว่าน้องหมาของคุณไม่สบอารมณ์ ข่าวดีคืออาการนี้ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีกว่าการที่มันแสดงความก้าวร้าว 7. ป่วย บางทีน้องหมาของคุณก็แสดงอาการบางทางกายเพื่อบอกว่ามันเครียด ไม่อยากอาหาร […]

ความจริงที่ต้องรับให้ได้ ก่อนหาสัตว์แปลกมาเลี้ยง

05/19/2021

นอกจากความสวยงามของสัตว์เลี้ยงที่แปลกแหวกแนวเหล่านี้แล้ว ก่อนจะหามาเลี้ยง คุณเองต้องศึกษาพฤติกรรมการใช้ชีวิตของมันอย่างดีด้วย เพราะบางตัวเองก็มีพฤติกรรมตามธรรมชาติติดตัวมา เนื่องจากความเป็นสัตว์ป่ามาก่อน ทำให้ต้องเตรียมรับมือกับความจริงทั้ง 4 ข้อนี้ให้ได้ ก่อนตัดสินใจหามาเลี้ยง 1. ส่วนใหญ่มักไม่เชื่อง ต้องทำใจยอมรับให้ได้ว่าสัตว์แปลกๆ ส่วนใหญ่แล้วมักจะเลี้ยงให้เชื่องได้ยาก แม้แต่แมวที่เป็นสัตว์ที่อยู่คู่กับมนุษย์มาหลายพันปีเองก็ยังสามารถฝึกกันได้ยาก ดังนั้นสัตว์แปลกเหล่านี้ที่มีวิถีชีวิตอยู่กับธรรมชาติส่วนใหญ่จะไม่ค่อยเชื่อง และมีนิสัยพฤติกรรมที่ซุกซน ซึ่งบางตัวอาจมีพฤติกรรมทำลายข้าวของติดมาด้วย จึงอาจเกิดการเสียหายภายในบ้านได้หากไม่ระวัง 2. ทำให้สัตว์เกิดความเครียด จากพฤติกรรมตามธรรมชาติของสัตว์แปลกที่ชอบหากินอยู่ในป่า หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่กว้างใหญ่ ทำให้หลายครั้งสัตว์เหล่านี้ที่ถูกจับมาเลี้ยงในบ้าน ในกรง ก็แสดงอาการของความเครียดออกมา อย่างเช่น นกแก้วแอฟริกาที่สามารถบินได้ไกลวันละ 10 กิโลเมตร เมื่อโดนจับเข้ากรงจะทำให้มันเครียด และมีโอกาสทำร้ายตัวเอง ดึงขนตัวเอง ซึ่งเหมือนกับวิธีที่มนุษย์กำจัดความเครียดด้วยการทำร้ายตัวเองเช่นกัน 3. สัตว์แปลกจะถูกทรมานก่อนขาย ต้องยอมรับก่อนว่าสัตว์แปลกนั้นส่วนใหญ่แล้วไม่สามารถหาได้จากในประเทศไทย ทำให้ต้องได้รับการนำเข้าอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งกระบวนการขนส่งสัตว์แปลกเหล่านี้มีระยะทางที่ยาวนาน และไม่ได้มาตรฐาน และหลายต่อหลายครั้งที่เป็นการลักลอบค้าขายอย่างผิดกฎหมาย เพราะอาชญากรรมรูปแบบนี้มีการทำกำไรสูงมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก จึงอาจทำให้สัตว์เหล่านั้นต้องได้รับความทรมานก่อนจะมาถึงมือคุณ 4. เสี่ยงต่อการรับมือไม่ไหว เพราะสัตว์แปลกจะมีพฤติกรรมที่แตกต่างไปจากการเลี้ยงหมา หรือแมว ที่เป็นสัตว์เลี้ยงที่หาได้ง่ายในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความแปลกตรงนี้อาจไม่ได้มอบให้แค่เฉพาะประสบการณ์ที่ดี แต่อาจจะสร้างประสบการณ์เลวร้ายให้ด้วยเช่นกัน เพราะถ้าสัตว์เลี้ยงของคุณแปลกมาก เมื่อเจ็บป่วยก็จะต้องได้รับการรักษาที่ยากและลำบากขึ้น หรือต่อให้ศึกษาพฤติกรรมของเขาแล้ว เมื่อเลี้ยงจริงก็อาจจะรับมือไม่ไหวอยู่ดี และอาจสร้างภาระให้คนอื่นรอบข้างด้วย

“แมงมุมทารันทูล่า”สีสันที่สดใสสวยงาม

05/17/2021

‘ทารันทูล่า’แม้คนจำนวนมากจะเกลียดแมงมุม และรู้สึกไม่ปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้มัน แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่พยายามหาแมงมุมมาเลี้ยง โดยเฉพาะสายพันธุ์อย่าง ‘ทารันทูล่า’ ที่เป็นแมงมุมขนาดใหญ่ ขายาว และมีลักษณะเด่นชัดคือ มีเส้นขนจำนวนมากอยู่ที่ขาและตัวของมัน ซึ่งส่วนใหญ่จะมีสีสันหรือลวดลายที่สดใสสวยงาม ทำให้เกิดความน่าสนใจในหลายคน ข้อดีของการเลี้ยงทารันทูล่าคือ ให้อาหารง่าย อาทิตย์ละครั้งก็อยู่ได้ ไม่มีกลิ่น ไม่มีเสียง ขับถ่ายน้อยมาก เดือนหนึ่งเปลี่ยนที่รองแค่ 1-2 ครั้งเท่านั้น ทน อึดที่สุดในบรรดาสัตว์เลี้ยง ปัจจุบันแมงมุมทารันทูราได้ถูกนำออกจากป่ามาเลี้ยงในเมือง โดยผู้หลงใหลในชีวิตสัตว์โลก และได้ทำการเพาะพันธุ์แมงมุม เพื่อดำรงสายพันธุ์แมงมุมให้คงอยู่ในโลกต่อไปในยุคสังคมเมืองขยายตัวอย่างรวดเร็ว

“หมูแคระ”หมูพันจิ๋วที่จะทำให้คุณหลงรัก

05/06/2021

หมูแคระ ที่นิยมเลี้ยงเพื่อความเพลิดเพลินในขณะนี้มีหลายสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นหมูแคระฮอลแลนด์หรือหมูแคระญี่ปุ่น ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาหมูแคะเป็นที่นิยมเลี้ยงกันในต่างประเทศแต่ด้วยเพราะราคาที่ค่อนข้างสูงจึงเป็นสัตว์เลี้ยงเฉพาะกลุ่มนั่นเอง จุดเด่นของหมูแคระมีจมูกสีชมพู แววตาสดใส ไม่มีกลิ่นให้รำคาญใจ ปัญหาเรื่องหมัดก็หายห่วง ไม่มีมารบกวนคนยี้หมัดแน่นอน จึงเหมาะเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนยามเหงา ส่วนปัญหาด้านสุขภาพก็มีน้อย ถือว่าเป็นสัตว์ที่ดูแลรักษา และเลี้ยงง่าย แต่ให้พึงอย่างเดียวคือ โรคเกี่ยวกับผิวหนังแพ้ง่ายเท่านั้น สายพันธุ์ยอดนิยม1.มินิ พิก หมูพันธุ์แท้ขนาดเล็ก เช่น หมูกี้ หมูกระโดน น้ำหนักประมาณ 60 กิโลกรัม มีสีและขนาดมาตรฐานตรงตามสายพันธ์ กล่าวคือ เมื่อโตเต็มวัยก็จะมีขนาดที่เท่ากัน และสีเหมือนกันทุกตัว ทนทานต่อสภาพแวดล้อม กินง่าย ไม่เจ็บป่วยบ่อย 2.ไมโคร พิก และ ทีคัพ พิก พัฒนาพันธุ์มาจาก มินิ พิก ขนาดตัวเล็กจิ๋ว หลากลวดลาย หลากสีสัน เนื่องจากเป็นลูกหมูพันธุ์ผสม สายพันธุ์ยังไม่นิ่ง ลูกหมูพันธุ์นี้จึงโอกาสที่จะหลุดไซส์ไปขนาดใหญ่ขึ้นได้ นิสัยหมูแคระฉลาดมาก และรักสะอาดกว่าสุนัขบางสายพันธุ์เสียอีกนะคะ มีความเป็นมิตรสูง เข้ากับผู้คนได้ง่าย เป็นสัตว์เลี้ยงที่ค่อนข้างร่าเริง โดยนิสัยธรรมชาติของมัน เช่น ชอบขุดคุ้ยดินเล่น หากผู้เลี้ยงไม่เข้าใจ คิดว่ามันซน น้องหมูอาจแสดงความก้าวร้าวออกมาได้ […]

เมื่อเจ้าของติดโควิด ใครจะดูแลสัตว์ของเรา?

05/04/2021

สมาคมสัตวแพทย์ผู้ประกอบการบำบัดโรคสัตว์แห่งประเทศไทย The Veterinary Practitioner Association of Thailand (VPAT) ได้จัดทำข้อควรปฏิบัติกับสัตว์เลี้ยง หากเจ้าของติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 เพื่อเป็นแนวทางในการช่วยดูแลสัตว์เลี้ยงหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นมา จะได้มีแผนรับมือ โดยมีรายละเอียดที่น่าสนใจ ดังนี้ กรณีที่ท่านเป็นเจ้าของคนเดียว และจำเป็นต้องนำสัตว์เลี้ยงไปฝากที่สถานพยาบาลสัตว์ 1. ให้ผู้ป่วยโควิด-19 หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์เลี้ยง เช่นลูบหัว กอดหรือจูบตัวสัตว์ เพื่อลดการปนเปื้อนของเชื้อไปยังสัตว์เลี้ยง 2. ให้โทรติดต่อสถานพยาบาลสัตว์ที่สามารถรับฝากดูแลสัตว์เลี้ยงได้ในกรณีที่ท่านต้องเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล สถานพยาบาลสัตว์ที่พร้อมรับฝากสัตว์เลี้ยงในกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้จะส่งเจ้าหน้าที่พร้อมชุดอุปกรณ์ป้องกันมารับตัวสัตว์เลี้ยงไปที่สถานพยาบาลสัตว์ โดยผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการเดินทางไปที่สถานพยาบาลสัตว์ด้วยตนเอง 3. ผู้ป่วยสามารถให้เพื่อน หรือญาติที่มิได้ป่วยด้วยโรคโควิด-19 นำสัตว์เลี้ยงไปสถานพยาบาสสัตว์แทนได้ โดยให้ผู้ที่นำสัตว์เลี้ยงไปสถานพยาบาลสัตว์สวมเครื่องป้องกันที่เหมาะสม ได้แก่ ถุงมือและหน้ากากอนามัย และแจ้งให้สถานพยาบาลสัตว์รับทราบก่อนล่วงหน้า กรณีที่ท่านมีสมาชิกในบ้านท่านอื่นๆ ที่มิได้ป่วยด้วยโรคโควิด-19 1. ให้ผู้ป่วยโควิด-19 หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์เลี้ยง เพื่อลดการปนเปื้อนของเชื้อไปยังสัตว์เลี้ยง 2. ห้ามทำความสะอาดสัตว์เลี้ยง ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ หรือแอลกอฮอล์ หากมีความประสงค์จะทำความสะอาดตัวสัตว์ ให้อาบน้ำด้วยแชมพูสำหรับสัตว์ปกติ 3. ให้สมาชิกในครอบครัวท่านอื่นๆ เป็นผู้ดูแลสัตว์เลี้ยงแทน แต่ยังคงให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสแบบใกล้ชิด เช่นการการจูบสัตว์ การลูบหัว การเลียมือหรืออวัยวะในร่างกาย หรือ การนำสัตว์เลี้ยงนอนในห้องนอนเดียวกับผู้เลี้ยงเป็นเวลา 14 วัน […]

รู้ก่อนเลี้ยง”เม่นแคระ”

05/02/2021

เม่นแคระ เป็นสัตว์หากินเวลากลางคืน ร่าเริง ไม่ค่อยชอบอยู่นิ่ง ตอนกลางวันอาจจะเห็นนอนขดเป็นก้อนกลมอยู่นิ่ง ๆ แต่พอพระอาทิตย์ตกดินเมื่อไหร่ เจ้าหนามตัวกลมจะออกมาวิ่งเล่นกันให้วุ่น สายพันธุ์ของเม่นแคระมีราว 15 สายพันธุ์ทั้งในเอเชีย ยุโรป และแอฟริกา สำหรับใครที่กำลังสนใจหาเจ้าตัวนี้มาเลี้ยงไว้ ศึกษาไว้ก็ไม่เสียหายนะคะ 1. กรงสำหรับเลี้ยง เนื่องจากเม่นแคระจัดเป็นสัตว์ที่ร่าเริงมาก ๆ ตอนกลางคืนจะชอบวิ่งเล่นทั่วกรง ดังนั้นขนาดกรงของเม่นแคระควรจะกว้างพอสมควร ถึงแม้ว่าเม่นแคระจะตัวเล็กมาก ๆ ก็ตาม ขนาดของกรงควรอยู่ที่ 18 x24 นิ้วขึ้นไป รองกรงด้วยขี้เลื่อยและควรจะมีของเล่น อย่างเช่น วงล้อ ให้พวกมันได้วิ่งเล่นด้วย สำหรับการทำความสะอาดให้เปลี่ยนขี้เลื่อย 2-3 วันต่อครั้ง  2. อาหารเม่นแคระเป็นสัตว์ที่กินง่าย โดยส่วนใหญ่เม่นแคระจะกินอาหารแมว หนอนนก ไข่ต้ม และผักชิ้นเล็ก ๆ สำหรับปริมาณถ้าเป็นอาหารแมวควรให้ 1–2 ช้อนโต๊ะต่อวัน โดยให้ตอนเย็นครั้งเดียว อย่างไรก็ตามมีอาหารบางชนิดที่ไม่ควรให้เม่นแคระ ได้แก่ ถั่วต่าง ๆ ผลไม้อบแห้ง เนื้อสัตว์ดิบ องุ่น ลูกเกด หัวหอม […]

เฟนเน็คฟ็อกซ์ สุนัขจิ้งจอกที่เล็กที่สุดในโลก

04/30/2021

“เฟนเน็คฟ็อกซ์” เจ้าสุนัขจิ้งจอกแห่งทะเลทรายซาฮารา ความกว้างใหญ่ไพศาลบนพื้นทรายที่เวิ้งว้างว่างเปล่ายังคงมีสุนัขจิ้งจอกที่ตัวเล็กที่สุดในโลกอาศัยอยู่ ลักษณะนิสัยและหน้าตาที่น่ารักทำให้หลายคนจับจองเป็นสัตว์เลี้ยงแก้เหงาที่ไม่ซ้ำใคร จุดเด่นของเฟนเน็คฟ็อกซ์อยู่ที่ความเล็กของขนาดตัวกับความพิเศษของหู เมื่อเติบโตเต็มที่ใบหูจะมีขนาดใหญ่ และสามารถใช้ใบหูระบายความร้อนตอนอยู่กลางทะเลทราย ฉะนั้นใบหูจะช่วยระบายความร้อนได้ดี และนอกจากนี้ยังช่วยในการจับเหยื่อ เพราะขนที่หูด้านในไวต่อการดักจับเสียง ซึ่งสามารถได้ยินเสียงแมลงตัวเล็กๆ ได้ไกลเป็นเมตรเลยทีเดียว “ลักษณะพิเศษของหูเฟนเน็คฟ็อกซ์ ถ้าเป็นเสียงสื่อสารของเขากันเอง สามารถได้ยินเกือบ 4-5 กิโลเมตร เขาจะมีเสียงความถี่ของเขาซึ่งบางทีคนเราไม่ได้ยิน แต่ถ้าเทียบกับเสียงแมลงเดินอยู่ห่างกันประมาณ 10-20 เมตรก็ได้ยินแล้ว เขาสามารถรู้ได้ว่าบริเวณนั้นมีแมลงอยู่กี่ตัว และจะไปหาอาหารได้ที่ไหน” ลักษณะทั่วไป เฟนเน็คฟ็อกซ์ (Fennec Fox) จัดเป็นสุนัขจิ้งจอกที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก เพราะมีขนาดเพียง 15 เซนติเมตร น้ำหนักอยู่ที่ระหว่าง 1-1.5 กิโลกรัม ขนสีครีมคาดแถบดำเฉพาะบริเวณหาง มีอายุโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 12-16 ปี วิธีการเลี้ยงดู แม้จะเป็นสายพันธุ์สุนัขจิ้งจอกก็จริง แต่ตอนนี้ก็มีการออกใบอนุญาตและจำกัดโควตาในการส่งออกสำหรับการนำไปเพาะพันธุ์ ซึ่งหากใครจะนำมาเลี้ยงก็สามารถหาซื้อจากฟาร์มหรือร้านค้าที่มีอยู่ในประเทศได้ แม้เฟนเน็คฟ็อกซ์จะชอบความสันโดษอยู่บ้าง แต่ถ้าหากนำมาเลี้ยงก็ควรจะมีเวลามากพอให้กับสุนัขด้วย เพราะไม่อย่างนั้นสุนัขจะไม่เชื่องและก้าวร้าว อีกทั้งมักจะส่งเสียงเห่าในตอนกลางคืนบ่อยครั้ง ฉะนั้นอาจแก้ปัญหาด้วยการขังกรงหรือฝึกฝนตั้งแต่รับมาเลี้ยง ส่วนอาหารที่นำมาให้กินควรจะเป็นอาหารแห้งหรืออาหารสำเร็จรูปสำหรับสุนัข แล้วเสริมด้วยผักกับผลไม้สดหรือแมลงขนาดเล็ก นอกจากนี้ควรหมั่นพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพ ฉีดวัคซีน และขอคำแนะนำในการเลี้ยงดูเพื่อป้องกันโรคที่เกิดจากพยาธิและเห็บหมัดต่าง ๆ