Exotic pet คือ สัตว์แปลก สัตว์หายาก เป็นสัตว์เลี้ยงสำหรับคนเฉพาะกลุ่มที่ชื่นชอบสัตว์รูปร่างหน้าตาแปลก สัตว์เหล่านี้จะได้รับอนุญาตให้สามารถเลี้ยง เพาะพันธุ์ และซื้อขายได้ แต่บางสายพันธุ์อาจต้องนำเข้าจากต่างประเทศ เรามาเริ่มกับน้องคนแรกเลยนั้นก็คือ
กิ้งก่าคาเมเลี่ยน (Chameleon)
‘กิ้งก่าคาเมเลี่ยน’ กิ้งก่าจากแอฟริกาและอินเดียหน้าตาแปลกประหลาด มีลักษณะเด่น คือ ผิวหนังที่มีความสามารถในการเปลี่ยนสีได้ตามต้องการ และดวงตาอันกลมโตทำให้ดูมีเสน่ห์เป็นอย่างมาก จนมีหลายคนหลงใหลในความพิสดารและนิยมเลี้ยงกันอย่างมากมาย เรียกได้ว่าเป็น สัตว์เลี้ยงแปลกที่ฮิตถึงกับมีคนนำไปสร้างเป็น Animation ชื่อดังอย่าง Rango
ชินชิล่า (Chinchilla)
น้องมาเป็นก้อน เหมือนลูกครึ่งระหว่างกระต่ายผสมกับหนู ชินชิลล่า สัตว์เลี้ยงที่คนไทยนิยมเลี้ยงมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นสัตว์ฟันกัดแทะ มีลักษณะขนที่แน่น หนาและนุ่มมาก โดยมีนิสัยรักความสะอาด เรื่องที่อยู่อาศัยผู้คนมากเข้าใจผิดว่าต้องอยู่ในห้องปรับอากาศตลอดเวลาเพราะอาจจะเห็นว่าน้องมีขนหนาแน่นและหางที่ยาว แต่ในความเป็นจริงแล้วชินชิลล่าควรอาศัยอยู่ในบริเวณที่ การถ่ายเทอากาศได้ดี ไม่อับชื้น มีลมผ่าน สามารถเรียนรู้ได้เหมือนแมวในเรื่องของการขับถ่ายให้เป็นที่เป็นทาง สีของเจ้าตัวนี้มีทั้งหมด 7 สี
เฟนเน็คฟ็อกซ์ (Fennec Fox)
ภาพจำของหลายคนมองว่าสุนัขจิ้งจอกเป็นสัตว์ที่เจ้าเล่ห์ ดุร้าย ไม่น่าไว้ใจ แต่หลังจากมีผู้เชี่ยวชาญทำวิจัยเพื่อพัฒนาสายพันธุ์ให้มันเชื่องและเป็นมิตรกับมนุษย์ได้สำเร็จ สุนัขจิ้งจอกจึงถูกนิยมนำมาเลี้ยงมากขึ้น และถูกจัดให้เป็น Exotic Pet หรือสัตว์เลี้ยงสุดแปลก “เฟนเน็คฟ็อกซ์” หรือ สุนัขจิ้งจอกจิ๋วแห่งทะเลทรายสะฮารา ถือเป็นสัตว์เลี้ยงที่แปลกใหม่สำหรับคนไทยเป็นอย่างมาก
แรคคูน (Raccoon)
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนปุยน่ารักน่าอุ้ม ขนฟู มีหางปุกปุย จนโดนใจหลายคนแล้ว ยังมีความกวน เช่น ทำท่าต้วมเตี้ยมตอนแย่งอาหารสัตว์อื่น ใช้อุ้งเท้าและนิ้วมือสั้น ๆ เกาะลำต้นตอนปีนต้นไม้และจะออกหากินในเวลากลางคืน ตัวใหญ่กว่าน้องแมวทั่วไปแต่ก็ขนาดไม่ใหญ่เท่าสุนัข และห้ามปล่อยเจ้าตัวแสบออกมาวิ่งเล่นนอกบ้านเหมือนน้องหมาเด็ดขาด เพราะจะหลุดหายแน่นอน ซึ่งมีโอกาสน้อยมาก ๆ ที่แรคคูนจะกลับบ้านเองได้ หากอยากพาแรคคูนไปเปลี่ยนบรรยากาศข้างนอก แนะนำให้ใช้สายจูง และควรฝึกให้คุ้นชินกับสายจูงตั้งแต่ยังเด็ก
แพรรีด็อก (Prairie dog)
‘แพรรี่ด็อก’ เป็นสัตว์ตระกูลกระรอก ที่มีนิสัยชอบอาหารและสร้างโพรงภายในดิน ทำให้มันได้รับฉายาว่ากระรอกดิน พวกมันมีลักษณะที่คล้ายกับหมีตัวจิ๋ว ๆ หนักเพียง 1-2 กิโลกรัม ชอบเข้าสังคมและมีราคาที่ไม่แพงมากนัก และจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของสัตว์เลี้ยงคือมีเสียงร้องที่คล้ายกับสุนัข ซึ่งเป็นที่มาของชื่อแพรรี่ด็อกนั่นเอง จัดเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีฟันแทะ ขนสั้นสีน้ำตาลอ่อน ใบหูเล็ก ดวงตากลมโต ฟันแข็งแรง ชอบยืนสองขา หางไม่ยาวนัก
ตุ๊กแกหางอ้วน (Fattail Gecko)
ตุ๊กแกหางอ้วน เป็นสัตว์สายพันธุ์แอฟริกา หลายคนเรียกมันว่าตุ๊กแกหน้ายิ้ม ด้วยหน้าตาที่มองหน้าตรงเหมือนกำลังยิ้ม และมีลักษณะเชื่องช้า ผิวหนังไม่สากเหมือนตุ๊กแกบ้านเรา มีไฮไลต์สำคัญอยู่ที่หางอ้วน ๆ ที่สะสมไขมันเอาไว้นี่แหละ
ความแตกต่างของตุ๊กแกพันธุ์ไทย กับตุ๊กแกหางอ้วน นอกจากหางที่อ้วนใหญ่ มันยังไม่มีเสียงร้อง “อั๊บแอ้” เหมือนตุ๊กแกบ้านเรา ส่วนตีนจะไม่มีพังผืดไว้ยึดเกาะ เพราะมันเป็นสัตว์ที่ต้องเลี้ยงบนพื้น หรือตามซอกอิฐ และอีกส่วนที่ต่างคือ เปลือกตา เปิด-ปิด หรือกระพริบตาได้เหมือนคน ผิดกับตุ๊กแกบ้านเราที่ตาเบิกโพลงตลอดเวลา ถึงแม้ว่ามันจะกำลังหลับก็ตาม
ไก่ซิลกี้ (Marco Silkie)
“ไก่ซิลกี้” Silk ซิล ที่แปลว่าเส้นไหมนั่นเองและลักษณะเส้นขนของเขาก็เหมือนกับชื่อของเขา จะมีความคล้ายกับเส้นไหมนุ่ม ๆ มีลักษณะขนปุกปุยเหมือนกับไม่ใช่ไก่ใครที่ไม่เคยเห็นก็คงสงสัยว่า เจ้าตัวที่เดินปุกปุยไปมานั้นคือตัวอะไรกันแน่ ไก่ซิลกี้สัตว์เลี้ยงน่ารัก ๆ สายพันธุ์นี้มีถิ่นกำเนิดมาจากอเมริกา และปัจจุบันก็สามารถนำมาเพาะพันธุ์ที่ประเทศไทยได้แล้ว
ถึงแม้ว่าไก่ซิลกี้ จะมีลักษณะที่โดดเด่นคือขนปุยๆเหมือนน้องหมา แต่โดยแท้จริงแล้วไก่ก็คือไก่ เพราะฉนั้นแล้วเราเลี้ยงไก่บ้านเรายังไงก็คือเลี้ยงไก่ซิลกี้ยังงั้น นิสัยของไก่ซิลกี้ จะน่ารักเหมือนตัวเค้าคือเชื่องๆปล่อยให้อยู่ตรงไหนก็จะอยู่บริเวณนั้นไม่ค่อยดื้อไม่เดินไปทั่วเหมือนไก่บ้านทั่วไป เพียงแต่ให้เน้นความสะอาดให้เขาหน่อย เพราะเขาคือสัตว์ประเภทสวยงาม เลี้ยงเพื่อความเพลิดเพลิน และสามารถต่อยอดเลี้ยงเพื่อสร้างอาชีพ สร้างรายได้อย่างงามเลยทีเดียว
เห็นได้ว่าสัตว์แต่ละชนิดก็มีความน่ารักที่แตกต่างกันไป ซึ่งก็มีค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าของและการเลี้ยงดูที่แตกต่างกัน ดังนั้นควรศึกษาให้ดี ถ้าใครที่ไม่มีงบเพียงพอก็เข้าไปดูในสวนสัตว์ต่าง ๆ หรือคาเฟ่ที่มีน้องๆอยู่เพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อมาเลี้ยงได้