เฟนเน็คฟ็อกซ์ (Fennec Fox) จิ้งจอกจิ๋วเจ้าแห่งทะเลทราย

สุนัขจอมเจ้าเลห์และดุดันในเรื่องเล่านิทานสมัยเด็ก จนมาถึงจิ้งจอกตัวสีแดงที่อยู่ในป่าแห่งโลกความเป็นจริง ใครที่ดูในสารคดีก็รู้สึกว่าน้องดูไม่เป็นมิตรและมีความเป็นสัญชาติญาณสัตว์ป่าสูงมาก แต่แล้วเราก็ค้นพบเจ้าหนูสายพันธุ์เล็กแห่งทะเลทรายซาฮารา ซึ่งเป็น 1 ใน 12 สายพันธุ์ตระกูลสุนัขจิ้งจอก ที่มีความพิเศษที่ขนาดตัวเล็กกระทัดกับนิสัยที่สุดแสนจะกระตือรือร้น และขี้เล่นสุด ๆ เห็นตัวเล็กขนาดนี้แต่ราคาค่าตัวน้องไม่เล็กตามเลยนะ ว่าแล้วมาศึกษาประวัติที่มาของน้องกัน

ถิ่นกำเนิดสุนัขจิ้งจอกเฟนเน็คฟ็อกซ์

หมาจิ้งจอกเฟนเน็ค หรือ หมาจิ้งจอกทะเลทราย (Fennec fox, Desert fox) เป็นหมาชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Vulpes zerda น้องถูกจัดอยู่ในตระกูลสุนัข (Canidae) ที่มีไซส์เล็กที่สุดในโลก น้องสร้างครอบครัวอยู่ในทะเลทราย แถบตอนเหนือของทวีปแอฟริกา พบได้หนาแน่นแถวทะเลทรายซาฮารา พื้นที่ส่วนใหญ่ที่น้องอาศัยอยู่ค่อนข้างแห้งแล้ง บริเวณแหล่งน้ำน้อย แต่น้องสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้เป็นเวลานานโดยไม่มีน้ำ บ้านของน้องจะถูกขุดสร้างขึ้นอยู่ใต้พุ่มไม้ในทะเลทราย เนื่องจากน้องใช้รากของพืชในการเป็นโครงของโพรงน้อง แถมน้องยังสร้างทางเข้าออกที่เชื่อมกันได้อีกหลายรูและสามารถไปมาหาสู่กับโพรงของตัวอื่นได้อีก

น้องเป็นสัตว์หากินกลางคืน อยู่อาศัยด้วยกันเป็นแก๊งค์ น้องมีใบหูขนาดใหญ่ แทบจะเท่าใบหน้าเนื่องจากใช้ในการระบายความร้อนและฟังเสียงหาเหยื่อขนาดเล็ก รวมไปถึงฟังเสียงจากฝีเท่าศัตรู น้องมีขนสีเหลืองน้ำตาลที่กลืนไปกลับสีทะเลทราย และขนที่อุ้งเท้าที่มีความหนาเพื่อใช้สำหรับเดินบนพื้นทรายที่มีความร้อนได้ ด้วยลักษณะที่น่ารักกะทัดรัดเช่นนี้จึงมีคนนำน้องมาพัฒนาสายพันธุ์ให้มีความเป็นมิตรกับมนุษย์ได้และได้กลายเป็นสัตว์เลี้ยงและน้องได้ถูกนำเข้ามาขายในประเทศไทยได้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 ซึ่งราคาค่าตัวน้องก็ไม่เล็กเหมือนขนาดตัวน้องเลย เริ่มต้นที่หลักหมื่นกลาง ๆ ไปจนถึงแสนบาทเลยทีเดียว ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ราคาผันผวนขึ้นอยู่กับคาวมเชื่องและเพศของน้อง

ลักษณะทางกายภาพและนิสัย

น้องมีขนตามตัวออกสีเหลืองน้ำตาล หนา เนื่องจากต้องใช้ในการพรางตัวเมื่ออยู่ในทะเลทราย มีขนใต้ท้องสีขาว หางยาวฟูเป็นพวง ขนน้องมีคุณสมบัติพิเศษเรื่องการปกป้องอุณหภูมิร่างกายจากอากาศเย็นในเวลากลางคืนพอเข้าสู่กลางวัน ขนที่ว่ายังสามารถสะท้อนความร้อนออกไปได้ด้วย มีดวงตาโตสีดำ จุดเด่นคือใบหูที่ใหญ่โตมโหฬารเพื่อระบายความร้อนออกจากร่างกาย

น้องตั้งท้องใช้เวลาทั้งหมด 2 เดือน เมื่อแรกเกิดน้องจะเหมือนกับลูกสุนัขและแมวคือกินนมแม่เพียงอย่างเดียว ขนขึ้นตามตัวแบบเบาบาง ร่างกายยังไม่แข็งแรง กระดูกอ่อนยังลุกเดินไม่ได้ หูตายังปิดอยู่ จนผ่านไปประมาณหนึ่งเดือนถึงเริ่มหย่านม  ตามธรรมชาติตัวผู้จะมีนิสัยดุร้ายและหวงตัวเมีย เพราะตัวผู้ต้องทำหน้าที่ปกป้องครอบครัวจากอันตรายและมีหน้าที่คอยหาอาหารมาให้ตัวเมียระหว่างที่ตั้งท้องและให้นมลูก ส่วนตัวเมียนั้นทำหน้าที่ให้นมลูกอยู่ในโพรง จากนั้นมันก็จะเริ่มช่วยกันสลับดูแลลูกทั้งตัวผู้และตัวเมีย ลูกจิ้งจอกจะเติบโตเต็มที่เมื่อมีอายุได้ 9 เดือน โดยสามารถให้ลูกได้ประมาณปีละเพียง 1 ครั้ง ครั้งละ 1 ถึง 3 ตัวเท่านั้น อายุขัยน้องอยู่ที่ประมาณ 10 ถึง 15 ปี เป็นสัตว์ที่มีคู่เดียวตลอดชีวิต ขนาดเมื่อโตเต็มวัยเพศผู้อยู่ที่ประมาณ 1.75 กิโลกรัม และเพศเมียอยู่ที่ 1.25 กิโลกรัม ลำตัวมีขนาดยาวเพียง  1 ฟุตกว่า ๆ

น้องชอบอยู่อาศัยด้วยกันเป็นฝูงคล้ายกับสุนัข มีการใช้กลิ่นปัสสาวะในการแบ่งอาณาเขต และจะมีอารมณ์ฉุนเฉียวเมื่อเข้าสู่ฤดูผสมพันธุ์ แต่น้องก็ถือว่าเป็นหมาป่าที่ปล่อยกลิ่นออกมาน้อยที่สุดแถมชอบทำความสะอาดตัวเองอยู่เป็นประจำอีกด้วย ผู้เลี้ยงจึงไม่จำเป็นต้องจับน้องอาบน้ำบ่อย ๆ เนื่องจากผิวหนังของน้องมาสามารถเกิดเป็นเชื้อราได้ง่าย  กลางวันน้องจะหลับกลางคืนน้องจะตื่น มีนิสัยที่ชอบขุดคุ้ยหาอาหารตามพื้นตามรู น้องเป็นสัตว์ที่มีนิสัยกระตือรือร้น ซุกซน แต่บางครั้งก็ชอบอยู่ลำพังไม่อยากยุ่งกับใคร มีนิสัยที่เหมือนแมวกับสุนัขผสมกัน น้องมีความฉลาดหลักแหลมไม่แพ้สุนัขเลยล่ะ

ข้อเสียของน้องจะเป็นเรื่องที่บางครั้งน้องจะซุกซนมากเป็นพิเศษ มีนิสัยชอบขุดทำลายข้าวของ สำหรับบางตัวอาจจะเป็นการยากที่จะฝึกสอนให้น้องเชื่อฟังคำสั่ง เวลารู้สึกตื่นเต้นหรือตื่นตระหนกก็จะส่งเสียงแหลมออกมา หากเลี้ยงน้องลำพังแล้วน้องเหงาบางครั้งก็จะส่งเสียงร้องครวญครางโหยหวนออกมาด้วย นิสัยตรงนี้อาจจะไม่เหมาะกับผู้เลี้ยงที่รักความสงบก็เป็นได้

ลักษณะทางกายภาพและนิสัย

น้องมีขนตามตัวออกสีเหลืองน้ำตาล หนา เนื่องจากต้องใช้ในการพรางตัวเมื่ออยู่ในทะเลทราย มีขนใต้ท้องสีขาว หางยาวฟูเป็นพวง ขนน้องมีคุณสมบัติพิเศษเรื่องการปกป้องอุณหภูมิร่างกายจากอากาศเย็นในเวลากลางคืนพอเข้าสู่กลางวัน ขนที่ว่ายังสามารถสะท้อนความร้อนออกไปได้ด้วย มีดวงตาโตสีดำ จุดเด่นคือใบหูที่ใหญ่โตมโหฬารเพื่อระบายความร้อนออกจากร่างกาย สล็อต pg เว็บตรง ไม่ผ่านเอเย่นต์

น้องตั้งท้องใช้เวลาทั้งหมด 2 เดือน เมื่อแรกเกิดน้องจะเหมือนกับลูกสุนัขและแมวคือกินนมแม่เพียงอย่างเดียว ขนขึ้นตามตัวแบบเบาบาง ร่างกายยังไม่แข็งแรง กระดูกอ่อนยังลุกเดินไม่ได้ หูตายังปิดอยู่ จนผ่านไปประมาณหนึ่งเดือนถึงเริ่มหย่านม  ตามธรรมชาติตัวผู้จะมีนิสัยดุร้ายและหวงตัวเมีย เพราะตัวผู้ต้องทำหน้าที่ปกป้องครอบครัวจากอันตรายและมีหน้าที่คอยหาอาหารมาให้ตัวเมียระหว่างที่ตั้งท้องและให้นมลูก ส่วนตัวเมียนั้นทำหน้าที่ให้นมลูกอยู่ในโพรง จากนั้นมันก็จะเริ่มช่วยกันสลับดูแลลูกทั้งตัวผู้และตัวเมีย ลูกจิ้งจอกจะเติบโตเต็มที่เมื่อมีอายุได้ 9 เดือน โดยสามารถให้ลูกได้ประมาณปีละเพียง 1 ครั้ง ครั้งละ 1 ถึง 3 ตัวเท่านั้น อายุขัยน้องอยู่ที่ประมาณ 10 ถึง 15 ปี เป็นสัตว์ที่มีคู่เดียวตลอดชีวิต ขนาดเมื่อโตเต็มวัยเพศผู้อยู่ที่ประมาณ 1.75 กิโลกรัม และเพศเมียอยู่ที่ 1.25 กิโลกรัม ลำตัวมีขนาดยาวเพียง  1 ฟุตกว่า ๆ

น้องชอบอยู่อาศัยด้วยกันเป็นฝูงคล้ายกับสุนัข มีการใช้กลิ่นปัสสาวะในการแบ่งอาณาเขต และจะมีอารมณ์ฉุนเฉียวเมื่อเข้าสู่ฤดูผสมพันธุ์ แต่น้องก็ถือว่าเป็นหมาป่าที่ปล่อยกลิ่นออกมาน้อยที่สุดแถมชอบทำความสะอาดตัวเองอยู่เป็นประจำอีกด้วย ผู้เลี้ยงจึงไม่จำเป็นต้องจับน้องอาบน้ำบ่อย ๆ เนื่องจากผิวหนังของน้องมาสามารถเกิดเป็นเชื้อราได้ง่าย  กลางวันน้องจะหลับกลางคืนน้องจะตื่น มีนิสัยที่ชอบขุดคุ้ยหาอาหารตามพื้นตามรู น้องเป็นสัตว์ที่มีนิสัยกระตือรือร้น ซุกซน แต่บางครั้งก็ชอบอยู่ลำพังไม่อยากยุ่งกับใคร มีนิสัยที่เหมือนแมวกับสุนัขผสมกัน น้องมีความฉลาดหลักแหลมไม่แพ้สุนัขเลยล่ะ

ข้อเสียของน้องจะเป็นเรื่องที่บางครั้งน้องจะซุกซนมากเป็นพิเศษ มีนิสัยชอบขุดทำลายข้าวของ สำหรับบางตัวอาจจะเป็นการยากที่จะฝึกสอนให้น้องเชื่อฟังคำสั่ง เวลารู้สึกตื่นเต้นหรือตื่นตระหนกก็จะส่งเสียงแหลมออกมา หากเลี้ยงน้องลำพังแล้วน้องเหงาบางครั้งก็จะส่งเสียงร้องครวญครางโหยหวนออกมาด้วย นิสัยตรงนี้อาจจะไม่เหมาะกับผู้เลี้ยงที่รักความสงบก็เป็นได้

วิธีการเลี้ยงดูน้องจิ้งจอก

ก่อนที่จะตัดสินใจเลี้ยงน้องผู้เลี้ยงควรพินิจพิเคราะห์ถึงลักษณะนิสัยของน้องและกิจวัตรประจำวันของผู้เลี้ยงเองว่ามีความเหมาะสมที่จะเลี้ยงสัตว์สายพันธุ์นี้หรือไม่ น้องมีนิสัยที่เทียบเคียงได้ใกล้กับสุนัขและแมวบางครั้งจะชอบความสันโดษแต่เมื่อหลุดจากโหมดสันโดษก็จะมีความร่าเริงซุกซนสุด ๆ ผู้เลี้ยงควรมีเวลาเล่นกับน้องเพื่อลดพฤติกรรมความไม่เชื่องและก้าวร้าวลง เนื่องจากสัญชาติญาณความเป็นสัตว์ป่า เมื่อตกกลางคืนก็จะส่งเสียงเห่าหอนอาจสร้างความรำคาญให้กับเพื่อนบ้านได้ ผู้เลี้ยงควรฝึกให้น้องอยู่ในกรงตั้งแต่เด็กเพื่อความเคยชิน ปล่อยน้องและเอาน้องเข้ากรงให้เป็นเวลา หรือหากผู้เลี้ยงท่านใดมีห้องกว้าง ๆ ที่สามารถเลี้ยงน้องได้โดยเฉพาะ ก็สามรถเลี้ยงแบบปล่อยในห้องได้ ข้อดีของของการเลี้ยงแบบมีบริเวณคือ น้องจะไม่เกิดความเครียด เพราะมีพื้นที่ให้ได้วิ่งเล่นเพื่อปลดปล่อยพลังงาน ซึ่งโดยธรรมชาติของน้องเมื่ออยู่ในทะเลทราย น้องต้องเดินเท้าออกหาอาหารประมาณ 5 ถึง 10 กิโลเมตรต่อวันอยู่แล้ว

ผู้เลี้ยงสามารถเลี้ยงรวมหรือเลี้ยงแยกตัวเดียวก็ได้ แต่หากจะเลี้ยงเป็นฝูงจำเป็นต้องมีตัวผู้แค่เพียงตัวเดียว เพราะถ้ามีหลายตัว ตัวผู้จะต่อสู้กันจนถึงตาย เพื่อให้ตัวใดตัวหนึ่งได้เป็นจ่าฝูงและได้ครอบครองตัวเมียทั้งหมดที่มี ผู้เลี้ยงสามารถปล่อยให้น้องผสมพันธุ์กันได้ตามธรรมชาติ

อุปกรณ์สำหรับเลี้ยงน้อง 

หากผู้เลี้ยงเลี้ยงน้องอยู่ในกรง ขนาดและรูปบบกรงที่สามารถใช้ได้จะเป็นกรงประเภทเดียวที่ใช้กับสุนัขหรือแมว มีขนาดความยาวตั้งแต่ 2 ฟุต ขึ้นไป สามารถหาเบาะมาปูรองกรงให้น้องได้ หากเลี้ยงในห้องเราก็สามารถซื้อเบาะวางไว้ในห้องหรือทำชั้นนอนให้คล้ายกับที่นอนแมวก็ได้ สภาพภายในกรงต้องเป็นพื้นเรียบไม่แฉะและมีน้ำขังชื้น หากเลี้ยงภายนอกตัวบ้าน กรงน้องต้องมีหลังคาที่มิดชิด กันน้ำ  กันฝน นอกจากกรงหรือห้องที่เป็นอาณาบริเวณส่วนตัวแล้วนั้น ก็ต้องมีอุปกรณ์พื้นฐานที่ใช้ในการเลี้ยง เช่น ภาชนะใส่อาหารที่มีลักษณะแข็งแรง ทรงกว้างไม่พลิกคว่ำง่าย อย่างเช่นชามข้าวสุนัขเป็นต้น กระบอกขวดน้ำดื่มที่ยึดติดกับกรงได้ หรือจะเป็นถ้วยใส่น้ำสะอาดก็ได้อีกเช่นกัน อาหารเม็ดและอาหารเสริมที่ให้สุนัขหรือแมวทานน้องก็สามารถทานได้ อุปกรณ์เครื่องเล่นที่ใช้กับน้อง เป็นต้น

อาหารสำหรับน้องจิ้งจอก

หนึ่งในเหตุผลที่น้องเป็นที่นิยมนำมาเลี้ยงก็คงเป็นเรื่องเกี่ยวกับการกิน หลังจากถูกพัฒนาสายพันธุ์มาแล้วน้องจะไม่ล่าเหยื่อ สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยการกินแมลงตัวเล็ก พืช ผัก ผลไม้หลายชนิด อาหารมื้อหลักเลยควรให้อาหารสุนัขเกรดดี เนื่องจากร่างกายน้องต้องการโปรตีนสูง อาหารที่ให้ควรสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนอยู่ตลอด ไม่ควรให้อาหารซ้ำ ๆ กันเนื่องจากจะทำให้น้องได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน อย่างที่บอกว่าน้องสามารถทานผลไม้ได้อย่างเช่น กล้วย มะละกอ มะม่วง แต่ไม่แนะนำให้ให้ทุกวัน เราสามารถสลับให้กับผัก อาหารเม็ด เนื้อไก่ต้ม ไข่ต้ม ก็ได้

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงเลยคือการให้น้องทานเนื้อดิบแบบสัตว์ป่าทุกวัน เนื่องจากจะทำให้น้องได้รับคุณค่าทางโภชนาการไม่สมบูรณ์รวมถึงเนื้อสดที่เราซื้อมาอาจมีเชื้อโรคและแบคทีเรียที่ไม่ควรเข้าไปในร่างกายน้องทำให้น้องเกิดอาการป่วยท้องเสียจนเสียชีวิตได้เลย เราสามารถให้เนื้อสดน้องได้บ้าง นาน ๆ ครั้ง เช่นอาทิตย์ละ วัน วันละ 1 มื้อด้วยชิ้นเล็ก ๆ ก็เพียงพอแล้ว

สถานที่หาซื้อน้องที่น่าเชื่อถือ

หากถามหาสถานที่ซื้อขายน้องนั้น ที่จริงแล้วมีอยู่ด้วยกันหลายที่เลยอย่าง เช่น จากเว็บไซต์ จากเฟซบุ๊ค จากสวนจตุจักรหรือจากฟาร์มลี้ยง ซึ่งเราก็ต้องดูที่ที่มีความน่าเชื่อถือ โดยการที่เราต้องดูรีวิวจากลูกค้าหลาย ๆ คนที่ทำการซื้อขายจากร้านที่เราเล็งไว้ ว่ามีรีวิวในเชิงบวกและลบมากน้อยแค่ไหน มีประสบการณ์ในการเพาะเลี้ยงขายมานานแล้วหรือยัง หากตรวจสอบดูแล้วปลอดภัย มีความน่าเชื่อถือ ผู้เลี้ยงก็สามารถตัดสินใจซื้อกับทางร้านได้เลย หรือถ้าใครอยากไปเห็น ไปสัมผัสตัวเป็น ๆของน้องก่อนที่จะตัดสินใจซื้อผ่านเพียงรูปภาพ ก็สามารถไปดูที่ฟาร์มที่เพาะเลี้ยงจิ้งจอกเฟนเน็คฟ็อกซ์ได้ ซึ่งฟาร์มที่น่าเชื่อถือก็คือฟาร์มที่มีใบรับรอง และสามารถพูดให้คำแนะนำถึงความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงน้องได้อย่างคล่องแคล่ว

ข้อควรระวังสำหรับน้อง

พอน้องมาเป็นสัตว์เลี้ยงอยู่กับมนุษย์ สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษเลยคือเรื่องของความสะอาด น้องเกิดอาการท้องเสียได้ง่ายจากอาหารการกินหรือสุขลักษณะภายในที่อยู่อาศัยของน้อง เมื่อได้รับน้องมาเลี้ยงใหม่ใหม่ควรพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อฉีดวัคซีนป้องกัน ซึ่งน้องสามารถฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าได้เช่นเดียวกับสุนัขทั่วไป ต้องหมั่นดูแลทำความสะอาดห้องหรือกรงให้สะอาดอยู่ตลอดเวลา อีกเรื่องที่ต้องระวังคือเรื่องของกระดูกซึ่งเป็นจุดอ่อนของน้องสายพันธุ์นี้ที่มีกระดูกที่เปราะบางแล้วแตกหักง่ายมาก เราจึงไม่สามารถเล่นออกแรงกันน้องเหมือนกับที่เล่นกับสุนัขได้ นอกจากนั้นผู้เลี้ยงจึงควรหมั่นสังเกตลักษณะพฤติกรรมของน้องบ่อย ๆ ว่ามีความผิดปกติอะไรไหม เมื่อพบความผิดปกติเพียงเล็กน้อยควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์

พอได้อ่านเนื้อหาเบื้องต้นที่ควรรู้ก่อนการตัดสินใจเลี้ยงเจ้าจิ๋วทะเลทรายตัวนี้แล้ว ก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถของคนที่ชื่นชอบการเลี้ยงสัตว์แปลก ๆ แน่นอน เพียงแต่ผู้เลี้ยงต้องคอยหมั่นดูแลเอาใจใส่น้องให้เหมือนกับสัตว์เลี้ยงทั่วไป และให้ความสำคัญในข้อควรระวังบางเรื่องสำหรับการเลี้ยงสัตว์แปลกสายพันธุ์นี้ เพียงเท่านี้สัตว์เลี้ยงของคุณก็จะมีร่างกายและสุขภาพที่แข็งแรง อยู่กับผู้เลี้ยงไปอีกนานแสนนานเลยทีเดียว

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *