แมวไม่มีขน 7 สายพันธุ์ที่คนอยากเลี้ยงแมวแต่แพ้ขนแมวควรรู้จัก

Shopee Blog แมวไม่มีขน

เป็นภูมิแพ้ เลี้ยงแมวได้ไหม ? แพ้ขนแมว แต่อยากเลี้ยงแมว เลี้ยงดีหรือเปล่า ? แมวขนไม่ร่วง มีไหม? ตอบเลยว่ามี และบางสายพันธุ์ยังน่ารักไม่แพ้น้องแมวขนฟูปุกปุยอีกด้วย ไปทำความรู้จักกับ 7 พันธุ์ แมวไม่มีขน กันเลย! 

แมวไม่มีขนพันธุ์ 7 สายพันธุ์

1. Sphynx – สฟิงซ์

แมวไม่มีขน Sphynx  สฟิงซ์

ลักษณะที่ปรากฏ: สฟิงซ์เป็นสายพันธุ์แมวไร้ขนที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด พวกเขามีผิวที่อ่อนนุ่มและมีรอยย่นที่ให้ความรู้สึกเหมือนหนังกลับ พวกเขาอาจมีขนปุยบางๆบนร่างกายของพวกเขาได้และผิวหนังของพวกเขาอาจมีสีและลวดลายต่างๆ

ลักษณะนิสัย: สฟิงซ์เป็นแมวที่น่ารัก ขี้เล่น และเข้ากับคนง่าย พวกเขารักความสนใจและเป็นที่รู้จักจากบุคลิกที่เปิดเผย พวกมันชอบเข้าสังคม เข้ากับสัตว์เลี้ยงตัวอื่นได้ดี และเข้ากับคนแปลกหน้าได้ดี

แหล่งกำเนิด: แคนาดา (แม้ว่าแมวไม่มีขนจะได้รับการบันทึกไว้ในส่วนอื่นๆ ของโลก แต่การเพาะพันธุ์สฟิงซ์สมัยใหม่เริ่มขึ้นในแคนาดาในปี 1960)

ราคา: 10,000-30,000 บาท หรืออาจสูงได้ถึง 200,000 บาทขึ้นไป

2. Bambino – แบมบิโน่

แมวไม่มีขน Bambino แบมบิโน่

ลักษณะที่ปรากฏ: Bambinos เป็นลูกผสมระหว่างสายพันธุ์ Sphynx และ Munchkin มีขาสั้นและไม่มีขนหรือมีขนละเอียดมากตามร่างกาย ดังนั้นจึงมีหน้าตาลักษณะคล้ายสฟิงซ์ที่ขาสั้น

ลักษณะนิสัย: Bambinos สืบทอดธรรมชาติที่เป็นมิตรและเข้ากับคนง่ายของทั้งสายพันธุ์ Sphynx และ Munchkin พวกเขามีความอยากรู้อยากเห็น ขี้เล่น และสนุกกับการเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจ

แหล่งกำเนิด: สหรัฐอเมริกา (Bambino เป็นสายพันธุ์ที่ค่อนข้างใหม่ซึ่งมีต้นกำเนิดในสหรัฐอเมริกาในช่วงต้นทศวรรษ 2000)

ราคา: 40,000-50,000 บาทเป็นต้นไป

3. Peterbald – ปีเตอร์บัลด์

แมวไม่มีขน Peterbald

ลักษณะที่ปรากฏ: แมวปีเตอร์บอลด์มียีนผมร่วง ดังนั้นบางตัวอาจหัวล้านไปเลย ในขณะที่บางตัวมีขนละเอียดบางๆ (ดังรูป) ซึ่งมักเรียกกันว่า “ลูกพีชฝอย” มีหลายสีและลวดลายเสื้อโค้ท

ลักษณะนิสัย: Peterbalds เป็นแมวที่ฉลาด คล่องแคล่ว และน่ารัก พวกเขาเป็นที่รู้จักในด้านความเป็นมิตรและปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมและผู้คนใหม่ๆ ได้ดี

แหล่งกำเนิด: รัสเซีย (สายพันธุ์ Peterbald ได้รับการพัฒนาขึ้นในรัสเซียในปี 1990 ผ่านการผสมข้ามสายพันธุ์ Oriental Shorthairs กับแมวไม่มีขน)

ราคา: เริ่มต้น 30,000 บาท

4. Don Sphynx – ดอนสคอย (หรือ Russian Hairless)

แมวไม่มีขน Don Sphynx ดอนสกอย ดอนสฟิงซ์

ลักษณะที่ปรากฏ: Don Sphynx มีระดับของการไม่มีขนตั้งแต่หัวล้านไปจนถึงขนสั้นบางๆติดผิวเพียงนิดเดียวเท่านั้น ผิวหนังของพวกมันอาจมีรอยย่นและมีสีและลวดลายต่างๆ กัน

ลักษณะนิสัย: Don Sphynxes เป็นแมวที่ฉลาด ชอบเข้าสังคม รักใคร่ และขี้สงสัย พวกเขาสร้างสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับเจ้าของและสนุกกับการเล่นแบบโต้ตอบ

แหล่งกำเนิด: รัสเซีย (สายพันธุ์ Don Sphynx ได้รับการบันทึกไว้เป็นครั้งแรกในรัสเซียในทศวรรษที่ 1980 และเป็นผลมาจากการกลายพันธุ์ตามธรรมชาติ)

ราคา: เริ่มต้น 35,000 บาท

5. Ukrainian Levkoy – ยูเครเนียน เลฟคอย

แมวไม่มีขน Ukrainian Levkoy ยูเครเนี่ยน เลฟคอย

ลักษณะที่ปรากฏ: Levkoy ชาวยูเครนมีหูพับและร่างกายไม่มีขนหรือเกือบไม่มีขน (ในรูปประกอบด้านบนน้องแมวเป็นแบบมีขนบางๆ) พวกเขามีลักษณะที่ไม่เหมือนใครเนื่องจากรูปร่างหูที่โดดเด่น

ลักษณะนิสัย: ยูเครน เลฟคอยส์เป็นแมวที่อ่อนโยน สงบ และเป็นมิตร พวกเขาเข้ากับเด็กและสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ ได้ดี และสนุกกับการกอดกับเพื่อนมนุษย์ รักเจ้าของรักครอบครัว

แหล่งกำเนิด: ยูเครน (สายพันธุ์ยูเครน Levkoy ได้รับการพัฒนาขึ้นในยูเครนในช่วงต้นทศวรรษ 2000 และเป็นผลมาจากการผสมข้ามพันธุ์กับแมวไม่มีขนในสายพันธุ์ Scottish Fold)

ราคา: เริ่มต้น 50,000 บาท

6. Elf Cat – เอลฟ์ แคท

แมวไม่มีขน Elf cat เอล์ฟ แคท

ลักษณะที่ปรากฏ: Elf Cat เป็นสายพันธุ์ลูกผสมที่ผสมผสานลักษณะที่ไม่มีขนของ Sphynx เข้ากับหูที่ม้วนงอของสายพันธุ์ American Curl

ลักษณะนิสัย: แมวเอลฟ์เป็นที่รู้จักจากธรรมชาติที่เป็นมิตรและน่ารัก พวกเขาชอบเข้าสังคมและสนุกกับการใช้เวลากับเจ้าของและมีส่วนร่วมในเกมแบบโต้ตอบ

แหล่งกำเนิด: สหรัฐอเมริกา (The Elf Cat เป็นสายพันธุ์ลูกผสมที่มีถิ่นกำเนิดในสหรัฐอเมริกาในช่วงต้นทศวรรษ 2000)

ราคา: เริ่มต้น 70,000 บาท

7. Dwelf – ดเวลฟ์

แมวไม่มีขน Dwelf ดเวล์ฟ

ลักษณะที่ปรากฏ: Dwelf เป็นแมวสายพันธุ์หายากเพราะเพาะพันธุ์ได้ยาก เป็นแมวขนาดเล็กที่เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ Sphynx, Munchkin และ American Curl พวกมันมีขาสั้น เป็นแมวไม่มีขนเลยเป็น แมวขนไม่ร่วง ด้วย และหูม้วนงอ

ลักษณะนิสัย: Dwelfs เป็นที่รักใคร่ ขี้เล่น และชอบอยู่ร่วมกับมนุษย์ พวกเขาเข้ากับคนง่ายและชอบมีส่วนร่วมในกิจกรรมของครอบครัว

โปรดจำไว้ว่าลักษณะนิสัยของแมวแต่ละตัวอาจแตกต่างกันอย่างมากแม้จะอยู่ในสายพันธุ์เดียวกันก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องใช้เวลากับแมวและทำความรู้จักกับพวกมันก่อนที่จะพาพวกมันเข้ามาในบ้านของคุณ เพื่อให้แน่ใจว่าจะเข้ากับไลฟ์สไตล์และความชอบของคุณ

แหล่งกำเนิด: สหรัฐอเมริกา (The Dwelf เป็นสายพันธุ์ลูกผสมที่ได้รับการพัฒนาในสหรัฐอเมริกาในช่วงต้นทศวรรษ 2000 โดยผสมผสานลักษณะจากสายพันธุ์ Sphynx, Munchkin และ American Curl)

ราคา: เริ่มต้น 90,000 บาท

ข้อควรระวังในการเลี้ยงแมวไม่มีขน

มีข้อควรระวังและข้อควรพิจารณาที่สำคัญบางประการของแมวสายพันธุ์ไม่มีขนที่คุณควรรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณสนใจเป็นพ่อแมวแม่แมวมือใหม่ แม้ว่าแมวเหล่านี้ส่วนมากจะอัธยาศัยดี มีเพื่อนได้หลากหลาย แต่ลักษณะเฉพาะและความต้องการในการดูแลของพวกมันก็ต้องการได้รับการเอาใจใส่เป็นพิเศษ โดยเฉพาะเรื่อง การดูแลผิว การรักษาความสะอาด ด้านสังคมกับมนุษย์หรือแมวหมาตัวอื่น และการตรวจสุขภาพทั้งของคนและแมว ดังต่อไปนี้

  • ความไวต่ออุณหภูมิ

แมวไม่มีขน ซึ่งไม่มีขนตามชื่อ ก็เลยไม่มีฉนวนที่กันความร้อนหรือกันความเย็นแบบที่แมวมีขนมี ทำให้พวกเขาไวต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ น้องแมวจะเป็นหวัดได้ง่าย ดังนั้นคุณต้องมีพื้นที่อบอุ่นให้น้องแมว และจัดหาผ้าห่มหรือเสื้อผ้าที่นุ่มสบายให้พวกมันในช่วงเดือนที่อากาศหนาวเย็น

  • การป้องกันแสงแดด กันผิวไหม้

ในทางกลับกัน แมวไม่มีขนจะไวต่อการถูกแดดเผาเพราะไม่มีขนที่จะปกป้องผิวหนัง ต้องระวังอากาศร้อนและแดดของประเทศไทย เพราะถ้าน้องโดดแดดประเทศไทยน้องก็จะรับความร้อนได้โดยตรง ไม่มีขนมากรองหรือรองรับ และอาจเป็นฮีทสโตรกได้ จึงควรจัดที่ๆเย็นสบายไว้ให้น้องโดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนด้วย หากน้องแมวจะต้องออกไปใช้เวลากลางแจ้ง จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทาครีมกันแดดที่ปลอดภัยต่อสัตว์เลี้ยงบนผิวหนังที่สัมผัส หรืออีกทางหนึ่งคือ จำกัดการออกกลางแจ้งในช่วงเวลาที่มีแสงแดดจ้าเพราะผิวน้องแมวอาจไหม้ได้

  • การดูแลผิว การอาบน้ำ

ผิวหนังของแมวไม่มีขนจะผลิตน้ำมันที่โดยปกติแล้วจะถูกดูดซึมโดยขน ดังนั้นการอาบน้ำเป็นประจำจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันการสะสมของน้ำมันและสิ่งสกปรกบนผิวหนังของแมว ใช้แชมพูสูตรอ่อนโยนสำหรับแมวโดยเฉพาะ และปฏิบัติตามคำแนะนำของสัตวแพทย์เกี่ยวกับความถี่ในการอาบน้ำ โดยเฉลี่ยแล้วให้อาบน้ำให้น้องแมวไม่มีขนสัปดาห์ละครั้ง

  • การใช้ชีวิตในร่ม

โดยทั่วไปแล้วแมวไม่มีขนจะเหมาะกับการใช้ชีวิตในร่มมากกว่า เนื่องจากมีความเปราะบางต่ออุณหภูมิที่ร้อนจัดและแสงแดดจัด นอกจากนี้ การใช้ชีวิตในร่มยังช่วยปกป้องพวกมันจากอันตราย โรคภัย และสัตว์นักล่าที่อาจเกิดขึ้นได้

  • โภชนาการ อาหารทุกอย่าง

อาหารที่สมดุลมีความสำคัญต่อสุขภาพของแมวทุกตัว รวมถึง แมวขนไม่ร่วง นี้ด้วย ให้เลือกอาหารแมวสูตรที่ไม่ใช่สำหรับบำรุงขน ถ้ามีสูตรบำรุงผิวหนังโดยตรงก็จะดี อย่าลืมทดลองให้น้องแมวทานและเปลี่ยนถ้าจำเป็นด้วย เพราะอาหารสูตรที่เหมาะสมก็สำคัญแต่ถ้าน้องแมวไม่กินก็ไร้ความหมาย คุณอาจลองปรึกษากับสัตวแพทย์ของคุณเพื่อเลือกอาหารแมวที่เหมาะสมซึ่งตรงกับความต้องการทางโภชนาการและส่งเสริมสุขภาพผิวหนังของแมวก็ได้

  • การดูแลรักษาความสะอาด (Grooming)

แม้ว่าแมวไม่มีขนจะไม่มีขนที่หลุดร่วง แต่ก็ยังต้องการการกรูมมิ่งเป็นประจำ ทำความสะอาดหูเป็นประจำ ตัดเล็บ เหมือนแมวพันธุ์อื่นๆทั่วไป และอย่าลืมเช็ดผิวหนังด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆ เพื่อขจัดสิ่งสกปรกและน้ำมัน ออกทุกวันเว้นวัน และอาบน้ำประมาณสัปดาห์ละครั้ง

  • ปฏิสัมพันธ์ทางสังคม

แมวหลายสายพันธุ์ไม่มีขนชอบเข้าสังคมและต้องการความเป็นเพื่อนกับมนุษย์ รวมถึงเป็นเพื่อนกับแมวหรือสัตว์เลี้ยงอื่นๆอย่างสุนัขได้ด้วย เตรียมพร้อมที่จะใช้เวลาคุณภาพกับเหล่าน้องแมว ทำให้น้องแมวอารมณ์ดี และมีส่วนร่วมในการเล่นแบบโต้ตอบเพื่อป้องกันน้องแมวเบื่อ (เพราะเมื่อแมวเบื่อก็อาจส่งผลต่อจิตใจ หรือที่แย่พอกันคือน้องเริ่มมีพฤติกรรมทำลายข้าวของ ก็เป็นได้!)

  • ข้อควรพิจารณาด้านสุขภาพ

แมวไม่มีขนบางสายพันธุ์อาจมีแนวโน้มที่จะมีปัญหาสุขภาพบางอย่าง ดังนั้นการเลือกผู้เพาะพันธุ์ หรือ ฟาร์มแมว ที่มีชื่อเสียง เพราะการคัดกรองความผิดปกติทางพันธุกรรมเป็นสิ่งสำคัญ แมวควรได้รับการตรวจสุขภาพโดยสัตวแพทย์เป็นประจำ

  • การแพ้

แม้ว่าแมวไม่มีขนมักถูกมองว่าไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ แต่บางคนอาจยังแพ้น้ำลายหรือสะเก็ดผิวหนังของพวกน้องแมวได้อยู่ดี ใช้เวลากับสายพันธุ์ที่คุณสนใจเพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะไม่มีอาการไม่พึงประสงค์ใดๆก่อนตัดสินใจรับน้องมาอยู่ด้วยกัน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *